top of page

What is your dream?

เมื่อกี้ได้เข้าไปอ่านบล็อกของพี่ที่รู้จักกันในทวิตเตอร์คนหนึ่งมาล่ะค่ะ แล้วก็ได้ฟังเพลงพร้อมกับอ่านคำแปลของเพลงๆหนึ่งมาด้วย เป็นเพลงที่เรามักจะชอบฟังตอนที่ตัวเองท้อแท้และหมดกำลังใจ พอฟังแล้วเราก็คิดได้ว่าบล็อกของเราได้เวลาที่จะต้องเขียนถึงเรื่องความฝันแล้วล่ะ

แต่เริ่มเดิมทีที่เราสร้างบล็อกขึ้นมาก็เป็นเพราะความฝันนี่แหละค่ะ ก่อนหน้านี้เราชอบอ่านเอามากๆ ในช่วงที่จะต้องตัดสินใจเลือกทางเดินก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย ก็ได้บังเอิญไปอ่านหนังสือที่ชื่อว่า'เดเมียน'เข้าและค้นพบว่าตัวเองชอบอ่านอะไรแนวๆนี้ และช่วงนั้นหลังจากที่อ่านเดเมียนจบไปได้ไม่นานเราก็ได้ไปอ่านไดอารี่ของพี่อีกคนในทวิตเตอร์ที่ได้เจอเข้าโดยบังเอิญก็เป็นอีกแรงผลักดันหนึ่งให้เราด้วยเหมือนกัน เราชอบอ่านสิ่งที่ทำให้เราได้คิดและได้มองย้อนกลับมาที่ชีวิตของตัวเองค่ะ เรามักจะได้ข้อคิดและพลังบวกกลับมาบ่อยๆเลย(พลังที่ทำให้ฮึ๊บๆๆ!น่ะ)เวลาที่อ่านอะไรทำนองนี้ พูดถึงความชอบในการอ่านมาเยอะแล้วมาเข้าเรื่องความฝันของเรากันบ้างดีกว่า

ความฝันของเราคือการเป็นนักแปลและนักเขียนค่ะ แต่เพราะในตอนนี้ทางที่เราเลือกเดินมามันห่างไกลกับการที่เราจะเป็นนักแปลที่ดีได้ ความฝันของเราก็เลยเหลือแค่การเป็นนักเขียนที่ดีอย่างเดียว ความฝันสูงสุดของเราก็คือการที่ได้ตีพิมพ์หนังสือค่ะ หนังสือที่คนอ่านกันได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่และแม้แต่คนชราทุกคนที่ได้อ่านมันจะต้องเข้าใจมันและได้ตกตะกอนความคิดภายในจิตใจของตัวเองออกมาเป็นผลที่ทำให้เกิดความงอกงามเล็กๆหลังจากที่ได้ปิดหนังสือของเราลงและวางไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งในตัวบ้าน จนเผลอลืมชื่อหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว แต่ทว่าผลจากการที่อ่านมันจะยังคงติดอยู่ในใจและความคิดของพวกเขาอยู่ นี่แหละค่ะ คือความฝันของเรา ในตอนที่เราได้เขียนบางสิ่งหรือระบายความคิด ความรู้สึกบางอย่างลงไปในโลกโซเชียลไม่ว่าจะเป็นทางอินสตาแกรมหรือทวิตเตอร์ก็ดี แล้วมีคนตอบกลับมาว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้เริ่มทำบางอย่าง คำบ่น บทความ หรือแคปชั่นประกอบภาพตั่งต่างที่เราได้โพสท์ลงไปมันทำให้ทุกคนได้มองกลับไปที่ตัวเอง และได้มอบคำขอบคุณเป็นสิ่งตอบแทนกลับมาให้เรา มันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินเข้าใกล้ความฝันเข้าไปทีละนิดแล้ว(แม้ว่าหนทางมันจะยังเหลืออยู่อีกมากก็ตาม) เรารู้สึกขอบคุณทุกคนมากจริงๆ หลายครั้งก็ได้คำชมที่เราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนนั้นก็คือ "เธอควรไปเขียนหนังสือนะ" "แบบนี้เอาไปเขียนเป็นหนังสือได้เลยนะ" มันทำให้เราปลื้มใจมากจริงๆค่ะ แต่ความรู้สึกและความจริงก็ตอกย้ำเรากลับมาอยู่เสมอว่ามันยังห่างไกลเกินไป ตอนนี้เธอยังเอื้อมไม่ถึงมันหรอก เพราะแบบนั้น "ณิวณัชฯ"ก็เลยเกิดขึ้นมา เราอยากให้ณิวณัชฯเป็นนามปากกาของเรา ถ้าเกิดว่าวันที่โลกแห่งความฝันและความจริงได้เชื่อมติดกันขึ้นมา(หวังว่าวันนั้นมันจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้นะ) จริงๆแล้วณิวณัชฯเป็นช่องทางการระบายความคิดด้านลบของเราออกมาค่ะ แต่เพราะว่าช่องทางนี้มันยาวเอาเสียมากๆก่อนที่เจ้าความคิดด้านลบนั้นมันจะออกมาจากช่องที่เป็นเหมือนรูหนอนของอวกาศได้ มันก็ถูกอะไรหลายๆอย่างแปลเปลี่ยนและบีบอัดให้เจ้าพลังด้านลบต้องกลายเป็นบวก มุมมองแย่ๆก็ได้มอบอีกแง่มุมที่เป็นมุมมองดีๆมาให้ เรามักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาจะเขียนหรือแต่งอะไร ;---; ใจจริงเราอยากให้คนที่ผ่านมาอ่านมันได้รับรู้บ้างว่าอีกโลกของเรามันเป็นสีน้ำเงินหม่นขนาดไหน ไม่ใช่สีเหลืองสดแบบที่ทุกคนเห็นกัน แต่คงเพราะเราเป็นคนแบบนี้ เป็นคนที่ต้องการจะเป็นเสมือนกับดวงจันทร์ เวลาที่ทุกคนหม่นหมองเราจะช่วยส่งแสงสีนวลให้กับเขาได้บ้าง เราไม่หวังว่าเราจะลบความเลวร้ายและความหม่นหมองในใจของทุกคนออกไปจนหมด คือเป็นคนประเภทที่ชอบรับฟังคนอื่นและให้เพียงแค่คำแนะนำและคำปลอบใจเล็กๆ เราชอบที่จะเห็นคนอื่นแก้ปัญหาของเขาได้ด้วยตัวเอง เพราะชีวิตของใครคนนั้นก็ควรจะเป็นตัวเอก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเรารู้ตัวเองดี ว่าเราไม่สามารถจะเป็นพระอาทิตย์ที่สดใสเพื่อส่องแสงและส่งพลังงานด้านบวกไปให้กับใครได้ เรายังมีอีกด้านที่มืดและน้อยคนนักที่จะได้เห็นและแน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจมันได้ดีเท่ากับตัวเรา :') ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านและได้อ่านมาถึงตรงนี้นะคะนั้นคือความคิดที่ดังอยู่ในหัวของเราแทบจะตลอดเวลา ขอบคุณที่รับฟังมันจริงๆ มาตัดเข้าเรื่องที่เกี่ยวกับชื่อบล็อกในวันนี้กันเลยดีกว่าเนอะ ในปัจจุบันนี้ก็มีหลายคนเลยที่เราได้เห็นว่าความฝันของพวกเขาดูคล้ายกันไปเสียหมด นั่นคือการมีเงินเยอะๆ มีหน้าที่การงานที่ดี และได้ตอบแทนบุญคุณบุพการีทั้งหลาย แต่พอถามว่าคุณอยากทำอะไร? อยากเป็นอะไร? เวลาทำอะไรแล้วรู้สึกวาสิ่งนี้มันคือสิ่งที่ฉันอยากจะทำมันไปตลอดบ้าง เขาก็มักจะตอบกันไม่ได้ และถ้าคุณก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตอบคำถามข้างต้นนั้นไม่ได้เช่นกันมันก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะคะ การที่คุณไม่มีความฝันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกหรือเลวร้ายอะไร ขอแค่มีความสุข ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขแค่นี้มันก็ดีแล้วล่ะค่ะ

"It's okay if you don't have dream,you might not have one. just being happy is fine"- Min Yoongi

และสำหรับใครที่มีความฝันแล้วล่ะก็ ขอให้ฝันของคุณเป็นจริงได้ในเร็ววันนะคะ ถึงมันจะเจ็บปวดไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพราะมันกำลังเติบโต การที่เราเจ็บปวดนั้นก็แปลว่าเรากำลังเติบโตและยังมีชีวิตอยู่ เรากำลังทำมันได้ดีแล้วค่ะ ก่อนที่นกแต่ละตัวจะบินได้ มันก็ต้องพังโลกของมันก่อน คนเราก็คงจะเป็นแบบนั้น

พังเปลือกไข่ที่แสนจะเปราะบางนั้นออกมาเถอะนะ มันไม่ได้ให้ความปลอดภัยกับเราเท่ากับการที่เราออกมาเผชิญหน้ากับความจริงและกางปีกต่อสู้ด้วยตัวเองหรอกค่ะ

-เราเชื่อนะว่าทุกคนมีปีกที่มองไม่เห็นอยู่ และรู้วิธีที่จะใช้มันอย่างดีด้วย-

ณิวณัชฯ

12:42

181802

bottom of page