top of page

Lost my way to find the real way

2 เมษายน 2564

เวลาเที่ยงคืน42นาที ก็เรียกว่าดึกได้แล้วล่ะ แต่จู่ๆก็เกิดอยากเขียนขึ้นมาอีกแล้วค่ะ ทั้งวันนี้และหลายวันก่อนเราเอาแต่นอนกลิ้งคลุกๆอยู่บนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่ขนาดว่าอยู่แต่ในห้องตัวเองก็ยังได้สื่อสารและติดต่อกับทุกคนแทบจะตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ เพิ่งจะมารู้ตัวเอาก็ตอนนี้แหละ ว่าintrovertเหนื่อยกับอะไรแบบนี้ได้จริงๆ หายไปนานเลยกับการเขียนไดอารี่แบบนี้ นานมากๆแบบนับได้แหละว่า2ปี ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้วค่ะ ต้องขอบคุณผู้ชาย7คนนั้นอีกแล้ว ที่ทำเพลงดีๆออกมาให้เราได้กลับมาฟังในวันที่จิตใจมันย่ำแย่ พอได้ฟังแล้วก็ใจฟูกับฮึบๆขึ้นมาเหมือนลูกโป่งที่โดนสูบลมใส่เลยค่ะ


ที่หายไป2ปีก็มีเหตุผลอยู่นะคะ หลายๆอย่างบีบบังคับน่ะ ทั้งเรื่องการเรียนในมหา’ลัย ไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนไป การใช้ชีวิตที่เวลาในการพักเหลือน้อยลงๆไปเรื่อยๆ ความบันเทิงที่หาได้จากที่เคยเป็นหนังสือสักเล่มก็กลายเป็นภาพยนตร์สักเรื่องและสุดท้ายก็เหลือแค่เป็นเพลงๆหนึ่งที่ความยาว2-3นาทีแทน คิดแล้วก็ใจหายเลยค่ะ


การที่กลับมาก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่จะบอกว่าเราเดินหลงทางอยู่บนเส้นทางเดิมๆนี่แหละ คงจะย่ำเท้าวนไปวนมาจนพอวันนี้ได้หันกลับไปมองก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังๆเลย ทั้งๆที่เคยคิดได้แล้วแท้ๆ ว่าการที่เดินบนเส้นทางเดิมๆไม่ยอมไปไหนมันก็ทำให้เราหลงทางได้เหมือนกันนี่น้า แต่ถึงจะบอกว่าหลงอยู่บนเส้นทางเดิมก็ตาม มันก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่บ่งบอกเราได้ว่าทางที่ถูกต้อง ทางที่ควรจะก้าวเท้าข้างซ้ายออกไปต่อคือทางไหน


สุดท้ายก็เหมือนเดิมค่ะ “สิ่งไหนที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมดีเสมอ” มาเริ่มต้นนับหนึ่งจากศูนย์กันอีกสักรอบเถอะค่ะ จะไม่ถอดใจหรือหลงลืมตัวตนของตัวเองไปอีกแล้วล่ะ ความรู้สึกที่มีความสุขและความตื่นเต้นที่ได้เขียนและจับภาษามาร้อยเรียงการที่ค่อยๆเอาความคิดออกมาเรียบเรียงแบบนี้จะไม่ยอมปล่อยมันให้หายไปไหนอีกแล้วค่ะ เพราะนิวน่ะ จะเป็นนักเขียนที่อยากให้คนอ่านได้ข้อคิดติดตัวกันไว้แม้ว่าหนังสือของนิวจะถูกลืมหรือชื่อคนเขียนจะไม่เคยถูกจำเลยก็ตาม นิวเป็นได้แน่ๆ เป็นนักเขียนที่มีความสุขกับงานของตัวเอง

01.37 น.

#ณิวณัชฯ

bottom of page